เริ่มต้นวันใหม่ ๑ เมษายน
วันนี้ยังหาสาระดีดีมาฝากกันไม่ได้เลย
เดี๋ยวจะลองค้นหาดูหน่อยมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ผิดพลาดยังไงก็ไม่รู้ เขียนวันที่ 1 เมษายน
แต่ไปขึ้นวันที่ 31 มีนา งงง.
วันนี้ยังหาสาระดีดีมาฝากกันไม่ได้เลย
อาการปวดไหล่
ข้อไหล่ของเรา อาการปวดไหล่เกิดจากอะไรได้บ้าง ? วงจรของข้อไหล่ติดเกิดขึ้นได้อย่างไร ? สัญญาณอันตรายของอาการปวดไหล่มีอะไรบ้าง ? แพทย์จะรักษาอาการปวดไหล่อย่างไรบ้าง ? |
ที่มา www.thairheumatology.org/people01.php?id=77 ขอขอบคุณครับ
เวียนศีรษะ ปวดต้นคอ ปวดไหล่ แขนชา ฯลฯ
การนวดแก้ปวดเมื่อยไหล่
ทุกวันพุธผม(หมอแดง) ต้องไปออกรายการวิทยุแห่งประเทศไทย รายการ “ทั่วทิศถิ่นไทย” คลื่น FM 92.5 และ AM 891 อาทิตย์ที่ผ่านมา ได้พูดคุยกนเรื่องต่อมลูกหมากโตเป็นส่วนใหญ่ ช่วงท้ายรายการ คุณจำรัส ผู้ดำเนินรายการได้เกริ่นเรื่องสมรรถภาพทางเพศไว้หน่อยเดียว
ปรากฏว่าทุกวันนี้ มีสุภาพบุรุษโทรเข้ามาขอปรึกษาเรื่องนี้มากมาย ทั้งอาการนกเขาไม่ขัน นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ อาการอยู่สองต่อสองกับสุภาพสตรี แล้วจะมีอาการกลัว บางท่านเป็นเนื้องอกผ่าตัดเอาลูกอัณฑะออกไปลูกหนึ่ง ทำให้สมรรถภาพเสื่อม จะทำอย่างไรดีหมอ
ก็แนะนำ ปรับปรุงวิถีการดำเนินชีวิต การกินการอยู่เสียใหม่ แนะนำสมุนไพรที่โบราณเราใช้มาบ้าง เช่น
ขนาน 1 บอกแก้ “ลึงค์ตาย” ก็มีตัวยา กำลัววัวเถลิง โคคลาน โด่ไม่รู้ล้ม อย่างละ 12 บาท ใส่น้ำ 3 ส่วน ต้มเหลือน้ำ 1 ส่วน กินครั้งละ ถ้วยก่อนอาหารสัก 20 นาที 3 เวลา สัก 7 วัน ถ้ายังไม่ดีขึ้นก็ทำกินอีกชุด
ขนานที่ 2 ใช้หัวแห้วหมู หาขุดเอาตามท้องนามีมากมาย ถ้ามีกระชายดำ หรือเหง้าหัวกระชายที่เขามาทำน้ำยานั่นแหละ แต่เราใช้เหง้ามัน หรือชาวบ้านเขาเรียกกระโปกกระชาย ส่วนที่เขาเอาไปปลูกนั่นแหละ ได้ 2 อย่างแล้ว นำมาล้างให้สะอาด ใส่ครกโขลกให้ละเอียด หรือจะนำมาปั่นให้ละเอียดก็พอได้ เสร็จแล้วตักออกผสมน้ำผึ้ง จะปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเม็ดพุทรา ตากแดดให้แห้ง หรือไม่ต้องปั้น คลุกน้ำผึ้ง แล้วใส่กล่องพลาสติกปิดฝาใส่ในตู้เย็นไว้ แล้วเอาออกมากินเช้า และก่อนนอน ครั้งละ 1-2 ช้อนชาได้เลย
ใครที่กำลังถดถอยนำไปทำกินได้เลยครับ สมุนไพรไม่มีอันตราย
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ได้ไปอ่านเจอมาเลยคิดว่าน่าจะจดจำไว้เป็นบทความที่ลงในหนังสือธงธรรมฉบับเดือนมีนาคม 2551 เรื่องที่เกี่ยวกับการรักษาอาการในอีกรูปแบบหนึ่ง
นิตยสารธงธรรม ฉบับเดือน มีนาคม 2551 ช่วงนี้มีอาการปวดขมับ ปวดกราม ปวดหน้า บางครั้งจุกเสียดแน่นท้อง หน้าอก ทั้งๆที่ยังไม่ได้ฉันอะไรเลย ตัวท่านร้อนมาก มีสิวรอบปาก โดยเฉพาะช่วงคาง กดช่วงลิ้นปี่จะจุกและเจ็บ ท้องแน่นกดเจ็บ นวดกดจุดตามเส้นลมปราณกระเพาะอาหาร และเส้นกระเพาะปัสสาวะแล้ว ท่านมีอาการเจ็บจนน้ำตาไหล เลือดลมเดินไม่สะดวกเลย |
|
ผมลองนำค้อนยางมาเคาะตามเส้นลมปราณด้านหลัง ท่านเรอออก แสดงว่ามีลมขังแน่นอยู่ในกระเพาะลำไส้ อาหารไม่ย่อยเลย และถ่ายไม่ดีด้วย ร่างกายจึงเต็มไปด้วยแก๊สพิษ เลือดเป็นกรด และแก๊สพิษนี้ก็เข้าไปอุดตัน ขวางกั้นทางเดินของเลือดลมๆ เดินไม่สะดวก ก็ย่อมปวด เมื่อย ไม่ใช่กระดูกทับเส้นแน่นอน
ให้ท่านนอนหงายแล้วยกขาขึ้น ก็ยังยกได้ เพียงแต่ตึงขาด้านหลังเส้นกระเพาะปัสสาวะบ้างเท่านั้น จึงมั่นใจได้ว่าไม่เป็นกระดูกทับเส้น ไม่เกี่ยวกับกระดูก เกี่ยวกับ “การย่อยอาหารไม่ดี” ต้องแก้ที่อาการนี้ ขืนกินยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ ก็จะยิ่งทำร้ายกระเพาะอาหารไปกันยกใหญ่ แล้วก็ทำให้การย่อยไม่ดีหนักขึ้นไปอีก เกิดแก๊สเพิ่มขึ้นก็ย่อมปวดหนักขึ้นแน่
ก็จะย่อยได้ดีอย่างไร ในเมื่อช่วงฉันอาหาร ท่านฉันน้ำเย็น 3-4 แก้ว ทั้งมื้อเช้าและเพล แถมดื่มนมอีกวันละ 2-3 กล่องแล้วแต่เวลา การย่อยจึงไม่ดี และน้ำก็ดื่มช่วงทานอาหาร เวลาอื่นไม่ค่อยจะดื่มเลย ร่างกายจึงขาดน้ำด้วย ก็ยิ่งทำให้ร่างกายร้อนไปใหญ่เลย
วันนี้จึงให้ท่านนวดเท้า พร้อมนวดกดจุดให้ แล้วให้ยาคลายเส้น ยาถอนพิษความร้อน น้ำเอ็นไซม์ เพื่อกลับไปถ่ายเอาแก๊สและสารพิษออก จึงแนะนำให้ท่านไปจำวัดที่วัดดอกไม้ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคลินิก และให้ท่านเข้ามาบำบัดต่อพรุ่งนี้ คิดว่าสักอาทิตย์ท่านคงกลับลำพูน และออกโปรดญาติโยม เป็นกำลังสำคัญในการสืบทอดศาสนาพุทธ เพราะท่านก็บวชมาตั้ง 7 พรรษาแล้ว
วันต่อมาท่านได้เข้ามาบำบัดแต่เช้า บอกว่าเมื่อคืนจำวัดอยู่วัดทองบน ไม่ได้จำวัดที่วัดดอกไม้ เพราะเห็นว่าที่วัดทองบนดูเงียบสงบดี และมีพระจำวัดอยู่ไม่มาก วัดก็อยู่ฝั่งเดียวกับคลินิก เดินสักครึ่งกิโลก็ถึง
“ฉันยาแล้วถ่ายดี ความร้อนในตัวลดลงมาก ได้นอนหลับสบายขึ้น ยังมีอาการปวดขาอยู่บ้าง” ท่านออกเล่าอาการ ดูสีหน้าท่านแล้วนวลขาวขึ้น ไม่แดงเหมือนวันแรก วันนี้เลยให้ท่านนวดเท้า นวดตัวประคบไล่เส้น ไล่ลมให้นิ่มขึ้น วันนี้ท่านพกน้ำมาด้วย ท่านจะจิบของท่านเรื่อยไปตามที่หมอบอก ซึ่งต่างจากก่อนโน้น จะฉันน้ำก็ตอนฉันข้าว ได้ให้ท่านนวดเท้า นวดตัวแล้วช่วยกดจุดให้ อาการที่กดแล้วเจ็บเหมือนครั้งแรกนั้นไม่มีแล้ว
คุณสัมฤทธิ์ เป็นอีกท่านที่มีอาการปวดหลัง ปวดเอวมาก จนต้องทำหลังงอๆ ยืดหลังตรงๆ ไม่ได้จะปวด มีอาการมาหลายปี รักษาโดยวิธีกินยาแก้ปวด และนวดตัว
มีอาชีพเป็นเซลล์ขายสี ต้องขับรถออกต่างจังหวัดตลอด นั่งขับรถนานๆ ก็จะปวดหลัง จากการซักประวัติในการกินการอยู่ ได้ความว่า ดื่มน้ำเย็นตลอด ช่วงทานข้าวก็ดื่มน้ำเย็น 2 แก้ว จึงทำให้อาหารไม่ย่อย ตอนเช้าก็ดื่มแต่กาแฟ ทานข้าวตอนสายๆ ดื่มน้ำน้อยแล้วยังดื่มครั้งละมากๆ ทำให้ลำไส้ดูดซึมน้ำไม่ทันปัสสาวะออกหมด เส้นเอ็นกล้ามเนื้อจึงแข็งตึง เลือดลมจึงเดินไม่สะดวก
อาจารย์ณรงศักดิ์ เป็นอีกท่านที่เข้ามาบำบัดด้วยอาการ “กระดูกทับเส้น” อีกเช่นกัน มีอาการปวดหลัง เอว ตะโพกทั้ง 2 ข้าง ก้มแล้วเหมือนกระดูกสีกัน ถ้านั่งทำงานก้มหลัง หรือนอนบนฟูกนิ่มๆ จะปวดมาก ปกติช่วงนี้ต้องนอนพื้นแข็งๆ จะค่อยยังชั่วหน่อย
เคยผ่าตัดกระดูกทับเส้นที่เอวมาแล้ว ตอนที่หมอให้ผ่าตัด เพราะขาซ้ายเขย่งเท้าไม่ได้ หมอบอกกระดูกข้อที่ 4-5 ปัญหาจึงผ่าตัด แต่ผ่ามาปีหนึ่งแล้ว ก็ยังเดินเขย่งเท้าไม่ได้ จึงได้แต่คิดว่าไม่น่าไปผ่าตัดเลย เพราะผ่าตัดแล้วก็ยังไม่หาย ออกกำลัง หรือวิ่งก็ไม่ได้ ทำงานหนักๆ ไม่ได้เลย ขาก็ดูลีบเล็กลง
ตอนนี้อาการหลังแข็งตึงไปหมด ตั้งแต่บ่า สะบัก หลังถึงตะโพก ต้องใส่เสื้อเกราะพยุงหลังไว้ให้ปวดน้อยลงหน่อย สภาพเหมือนคนแก่อายุสัก 80 ปี แค่ให้ขึ้นเตียงตรววจก็ร้องโอยๆ แล้ว บิด ขยับตัวก็ต้องค่อยๆทำ อาจารย์ท่านบอกว่ามันปวดมากๆในการขยับแต่ละที
คนไข้อายุ 55 ปี น้ำหนัก 72 กิโลกรัม ควรดื่มน้ำสัก 2.5 ลิตร ดูแล้วก็ดื่มได้ปริมาณเพียงพอ แต่ผิดวิธี เพราะดื่มแต่น้ำเย็น ช่วงทานอาหารดื่มน้ำมาก 2-3 แก้ว บางมื้อมีน้ำอัดลมด้วย แล้วก็มีน้ำโอเลี้ยงใส่กระติกไว้กินทั้งวัน บางวันมื้อเย็นมีเหล้าด้วย แล้วดื่มน้ำครั้งละเป็นขวดขนาดครึ่งลิตร หรือครั้งละ 1-2 แก้ว บอกว่าไม่มีเวลาดื่มบ่อยๆ อาหารที่ทานเข้าไปจึงไม่ย่อย เป็นโรคกระเพาะมานานแล้ว และยิ่งกินยาแก้ปวดกระดูกบ่อยๆ ด้วยกระเพาะก็ยิ่งกำเริบใหญ่ ลมแน่นท้องเป็นลูกกลมเลย
เมื่อได้นำค้อนยาง(อาวุธประจำตัวผม)มาเคาะ พร้อมกับนวดแล้ว อาการปวดน้อยลง บิดตัว ยืด ก้มตัวได้ ไม่ต้องใส่เสื้อเกราะอีก ยิ่งใส่ก็ยิ่งทำให้เลือดลมเดินไม่ได้ก็จะยิ่งปวดใหญ่ ให้ยาคลายเส้น ยากระเพาะ และน้ำเอ็นไซม์ไปกิน แล้วบอกให้พรุ่งนี้มาบำบัดต่อ
คงไม่มีใครเกิดมาไม่เคยปวดหัว ทั้งปวดหัวจี๊ด ปวดหัวตุ้บๆ ปวดหัวมึนงง และอีกสารพัดรูปแบบ ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนี้ก็มีสาเหตุหลากหลาย ทั้งจากความเครียด ใช้สายตามากๆ ทานช็อกโกแล็ต-ดื่มกาแฟมากเกินไป หรือแม้แต่จ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆก็ทำให้เราปวดหัวได้เหมือนกัน
ข้อความที่ได้เขียนนี้เป็นความรู้ส่วนตัวที่ได้เรียนรู้มา อาจจะผิดหรือถูกก็ได้ โดยส่วนตัวผู้เขียนไม่ใช่เป็นผู้รู้ตลอดทุกเรื่อง แต่อยากจะเขียนบล็อกที่เกี่ยวข้องกับการนวดแผนไทยขึ้นเพื่อเป็นที่เก็บ